ทุกวันนี้เราทุกคนต่างต้องเคยซื้อของออนไลน์กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสั่งของผ่านทาง Facebook , Line หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง SHOPEE ก็คงคุ้นหูสำหรับขาช้อปออนไลน์เป็นแน่ ด้วยความหลากหลายของสินค้าที่มีให้เลือกมากมายทำให้แอพพลิเคชั่นอย่าง Shopee จึงเป็นแอพที่นักช้อปมักจะเข้าไปเลือกซื้อสินค้า superslot
สารบัญ
- จุดกำเนิดของSHOPEEแอพพลิเคชั่นที่มีผู้เข้าใช้หลักล้านต่อวัน
- ประสบการณ์ C2C ที่ง่ายและปลอดภัยจากSHOPEE
- SHOPEE กับนโยบายที่ชนะใจนักช้อปออนไลน์
- ทำไมถึงต้องเลือกซื้อสินค้าออนไลน์กับSHOPEE
- แวะส่องร้านค้าน่าซื้อใน SHOPEE
จุดกำเนิดของ SHOPEE แอพพลิเคชั่นที่มีผู้เข้าใช้หลักล้านต่อวัน
แอพพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง SHOPEE เป็นแอพที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งผู้ก่อตั้งบริษัทSHOPEE คือ มร.Forrest Li นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ โดย SHOPEE นั้นเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2558 โดยให้บริการในประเทศสิงคโปร์และได้ขยายไปยังประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย ไทย ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ บราซิล
แอพSHOPEE เป็นแอพพลิเคชั่นที่มุ่งเน้นการซื้อขายผ่านการใช้งานทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้า และซื้อขายสินค้าได้อย่างสะดวก โดยแพลตฟอร์มของ SHOPEE นั้นถูกออกแบบแพลตฟอร์มมาเพื่อชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ ด้วยลักษณะพิเศษของตลาดออนไลน์แบบผู้บริโภคสู่ผู้บริโภค (C2C) เข้ากับระบบชำระเงิน เพื่อให้การซื้อขายออนไลน์เป็นเรื่องสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและไม่ยุ่งยากต่อการใช้งาน
ประสบการณ์ C2C ที่ง่ายและปลอดภัยจากSHOPEE
SHOPEE ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับการซื้อขายในตลาดออนไลน์แบบลูกค้าถึงลูกค้า หรือ(C2C) ได้แก่ การโกงของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ความเสี่ยงด้านธุรกรรมการเงิน และความยุ่งยากในด้านการขนส่ง ทั้งนี้ผู้ซื้อผ่านทาง SHOPEE สามารถเลือกซื้อสินค้าสุดโปรดได้จากช้อปปี้ ผ่านบริการการชำระเงินที่ปลอดภัยหรือที่เรียกว่า ‘SHOPEE GUARANTEE’ นโยบายการคืนเงินและสินค้าที่จะทำให้ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อและชำระค่าสินค้าได้อย่างมั่นใจ และหากว่าสินค้าได้รับไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนจากผู้ขายเต็มจำนวน
SHOPEE กับนโยบายที่ชนะใจนักช้อปออนไลน์
จากนโยบายของช้อปปี้ที่เชื่อว่า ประเทศที่มี E-Commerce กำลังเติบโตอย่างในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้ใช้งานจะมีพฤติกรรมในการช้อปปิ้งออนไลน์ แตกต่างจากประเทศในแถบตะวันตกและสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะก้าวข้ามการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ในคอมพิวเตอร์ ไปสู่การซื้อขายผ่านมือถือ ดังนั้นแล้วช้อปปี้จึงให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานช่องทางนี้มากเป็นพิเศษโดยหัวใจหลักอยู่ที่ความ “เข้าถึงได้ง่าย” ของทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผ่านทางรูปแบบUser Experience และ User Interface ก็เป็นอีกเรื่องที่ช้อปปี้ให้ความสนใจและพร้อมให้บริการกับผู้ใช้งานในแถบตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ช้อปปี้เองก็ยังมีโปรโมชั่น SHOPPING ONLINE ที่อัดโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น 9.9 ที่จะเริ่มในวันที่9เดือนกันยานของทุกปี หรือ 11.11ที่จะเริ่มในวันที่11เดือนพฤศจิกายนของทุกปี และ 12.12 Super Saleที่จะเริ่มในวันที่12เดือนธันวาคมของทุกปี โดยโปรโมชั่นสุดฮิตนี้ของ SHOPEE แทบจะกลายเป็นธรรมเนียมของอุตสาหกรรมซื้อขายสินค้าออนไลน์นี้ไปแล้ว ซึ่งการทำโปรโมชั่นนี้ของช้อปปี้เองก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครในแคมเปญใหญ่ 9.9 ซึ่งมีผู้ใช้งานเข้าเลือกดูสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่า นับเป็นสถิติใหม่ที่ยอดเยี่ยมของช้อปปี้เลยก็ว่าได้ ในขณะที่แคมเปญส่งท้ายปี 12.12 ก็ช่วยทำให้มียอดสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นมียอดสั่งสูงถึง 2.5 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมงของวันที่ 12 ธันวาคม
ซึ่งโปรโมชั่นของ SHOPEE นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจให้กับนักช้อปออนไลน์ทั้งในต่างประเทศรวมไปถึงนักช้อปชาวไทยด้วย ซึ่งผู้เข้าใช้งานส่วนใหญ่จะใช้เวลาในแพลตฟอร์มโดยเฉลี่ยอยู่ประมาณ 23 นาที ในการเลือกซื้อสินค้า ซึ่งโจทย์ใหญ่อยู่ที่ทำอย่างไรให้ 23 นาทีนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และคุ้มค่าที่สุดของผู้ใช้บริการ
ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการทำการตลาดแบบ โปรโมชั่นของSHOPEE นั้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักช้อปออนไลน์ รวมไปถึงโปรโมชั่นเด็ดๆที่นักช้อปทั้งหลายจะต้องยิ้มแก้มปริให้กับส่วนลดของทาง SHOPEE แต่ถึงอย่างนั้นจะทำอย่างไรให้การซื้อขายผ่านทาง SHOPEE นั้นสามารถอยู่ในใจของนักช้อปออนไลน์ได้ตลอด ซึ่งทางSHOPEEเองก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และถูกแบ่งออกเป็นประเด็นใหญ่ 4 ประเด็น คือ
1.Product
ซึ่งทางSHOPEEเองมองว่า สินค้าที่จะมานำเสนอขายบนแพลตฟอร์มนั้นต้องมีความหลากหลาย และสามารถตอบสนองต่อความความต้องการของผู้บริโภคในทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ของชีวิต ทุกเพศทุกวัย และพร้อมให้บริการสำหรับผู้บริการทุกคน เมื่อเข้ามาช้อปปิ้งแล้วสามารถหาสินค้าเจอได้ครบทุกประเภท
2.USER EXPERIENCE
การให้บริการที่จะต้องทำให้ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเข้ามาใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รวมไปถึงรูปแบบการชำระเงินและการขนส่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นโจทย์ใหญ่ของช้อปปี้เลยก็ว่าได้ ว่าจะต้องทำให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซสามารถขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งSHOPEEเองก็ได้ให้ความตะหนักในเรื่องในดี และทราบดีถึงความท้าทายของการให้บริการแบบ E-Commerce ที่จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ผู้ใช้บริการรับรู้ถึงความปลอดภัยที่จะซื้อสินค้า และชำระเงิน รวมไปถึงการส่งซึ่งในบางประเทศกับสินค้าบางอย่าง ที่ลูกค้ามีความต้องการให้จัดส่งภายในวันเดียว ซึ่งถ้าหากทำได้ก็จะสร้างความรู้สึกเชิงบวกจนนำไปสู่การเป็นลูกค้าประจำ
3.SELLER EMPOWERMENT
หรือการพัฒนาในด้านคุณภาพของผู้ขายรวมถึงไปพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของช้อปปี้ ซึ่งทางช้อปปี้เองก็มีการจัดเวิร์กช้อปโดยใช้ชื่อว่า SHOPEE UNIVERSITY เพื่อฝึกให้ผู้ขายมีความพร้อมในการบริกาให้กับการขายสินค้าออนไลน์ เช่น เวิร์กช็อปในการถ่ายภาพเพื่อการถ่ายรูปสินค้า การสร้างคอนเทนต์ รวมไปถึงการนำผู้ขายสินค้าที่ประสบความสำเร็จมาแบ่งปันประสบการณ์
4.OPEN ENVIRONMENTAL WORKING
โดยทางช้อปปี้เองเชื่อว่าธุรกิจที่มีความเปลี่ยนแปลงเร็ว การนำคนในองค์กรมาแชร์ประสบการณ์ ความรู้เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน และมีการเทรนภายในทั้งในส่วนของ Hard Skill ที่จำเป็นในหน่วยงานตนเอง และ Soft Skill เพื่อพัฒนาแนวคิดของตัวเองอยู่เสมอจะทำให้องค์กรสามารถเติบโตต่อไปได้ นอกจากนี้ ซึ่งทางSHOPEE เองก็จัดสรรสวัสดิการตามความเหมาะสมให้แก่พนักงาน เช่น ขนมที่ทานได้ไม่จำกัด ห้องนวดที่พนักงานสามารถใช้ได้ กับกิจกรรมในแต่ละเดือนที่มีการสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานแต่ละแผนกได้ทำความรู้จักกัน
ทำไมถึงต้องเลือกซื้อสินค้าออนไลน์กับSHOPEE
แอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่าง SHOPEE นั้นถือได้ว่าเป็นแอพฯที่ถูกใจสายช้อปปิ้งออนไลน์ในบ้านเราเลยก็ว่าได้ ด้วยบริการที่ง่ายต่อการใช้งานและมีสินค้าให้เลือกที่หลากหลาย รวมไปถึงราคาสินค้าที่ย่อมเยา สามารถเลือกซื้อสินค้าตามกำลังทรัพย์ของผู้ใช้งานได้ ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าทำไมถึงควรเลือกซื้อสินค้ากับช้อปปี้
1.มีบริการในการติดตามพัสดุ
โดยที่พ่อค้าแม่ค้าเพียงแค่กรอก Tracking Number ลงไปเมื่อลูกค้าชำระเงินเรียบร้อยจากการสั่งซื้อ เมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้วก็เพียงแค่เข้ามาในแอพฯเพื่อกดยืนยันว่าได้รับสินค้าแล้ว จากนั้นทางช้อปปี้เองก็จะส่งเงินให้กับทางร้านค้าโดยทันที ทำให้อุ่นใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
2.มีส่วนลดให้ลูกค้า
และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยังได้รับการโปรโมทสินค้าจากทางช้อปปี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการให้กำไรกับคืนทั้งลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โดยได้รับผลประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย ลูกค้าได้รับโค้ดส่วนลด และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เองก็ได้โปโมทสินค้าแบบไม่ต้องเสียเงินเลย
3.ระบบสต็อคสินค้า
โดยลูกค้าและผู้ขายสามารถจัดการบริหาร ได้อย่างสะดวก ไม่ยุ่งยาก
4.มีระบบพูดคุยกับลูกค้า
เพื่อให้ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดของสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของขายได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แบบRealtime ที่ทำให้พ่อค้าและแม่ค้าสามารถตอบกลับลูกค้าได้ทันที
5.ระบบรีวิวและการให้ดาวกับทางร้าน
โดยระบบนี้จะช่วยทำให้ช่วยในเรื่องของการบริการลูกค้า เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถดูรีวิวจากผู้ใช้บริการร้านนี้ได้ โดยเมื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปก็จะมาให้ดาวทางร้านค้า ซึ่งทำให้ร้านค้าดูน่าเชื่อถือและน่าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นนั่นเอง
แวะส่องร้านค้าน่าซื้อใน SHOPEE
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าร้านค้า ร้านไหนที่น่าซื้อในSHOPEE กันบ้าง
ร้านแรกที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ร้าน FADTHINGS สินค้าจากทางร้าน FADTHINGS จะเน้นไปในโทนมินิมอล ซึ่งร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเสื้อผ้าที่มีสีสันฉูดฉาดหรือมีลวดลายเยอะ ๆ ใครที่กำลังมองหาร้านเสื้อผ้าแฟชั่นโทนคลีน ๆ มินิมอล ออกแนวเอิร์ธโทน ร้าน FADTHINGS ถือได้ว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก
(ร้านFADTHINGS)
มาต่อกันที่ร้านที่สองที่เราอยากจะแนะนำ คือร้าน NUMSHA_BRAND ใครที่กำลังตามหาเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นใส่เที่ยว ใส่มาทำงาน หรือจะใส่ไปทำบุญก็ยังเรียบร้อยดูดี โดยทางร้านยังมีเสื้อผ้าน่ารัก ๆ ให้เลือกเยอะจนอาจจะทำให้ผู้ซื้อล้มละลายกันเลยก็ว่า เอาเป็นว่าใครชอบเสื้อแนว ๆ นี้ก็สามารถเข้ามาดูสิในทางช้อปปี้ได้เลย
(ร้านNUMSHA_BRAND)
ไปต่อกันเลยที่ร้านที่สาม ร้าน MALIMAYS.OFFICIAL ร้านเสื้อผ้าลุคเรียบ ๆ แต่ให้อารมณ์เรียบหรู ร้าน MALIMAYS.OFFICIALถือได้ว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะมีสินค้าให้เลือกซื้อและถูกใจสำหรับนักช้อปอย่างแน่นอน
(ร้าน MALIMAYS.OFFICIAL)
ปิดท้ายด้วยร้าน FASHION666 ร้านค้าแนวสตรีทสำหรับคุณผู้ชาย ที่มีดีที่ราคาและสไตล์สุดเท่ ที่รอให้คุณผู้ชายทุกเพศทุกวัยได้มีความสุขกับสไตล์ใหม่ ๆ ไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็น เสื้อยืด Oversize กางเกงทรงเกาหลี เป็นต้น
(ร้านFASHION666)
ยังไม่พอ!! เรามาต่อกับร้านค้าของใช้ที่น่าซื้อกันต่อเลยดีกว่า โดยร้านค้าร้านแรกที่เราอยากจะแนะนำให้ก็คือร้าน “HOMEHUK OFFICIAL SHOP” ร้านขายเครื่องใช้ภายในบ้านที่มีราคาย่อมเยา แต่ได้สินค้าที่มีคุณภาพเกินราคา อีกทั้งยังมีสินค้าให้เลือกหลากหลายรูปแบบอีกด้วย เหมาะกับการซื้อไปตกแต่งให้ที่บ้านของคุณดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
(ร้าน HOMEHUK OFFICIAL SHOP)
มาต่อกันเลยกับร้าน “KHUNPARK1988” ร้านค้าออนไลน์ที่เน้นขายสินค้าในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ถุงเท้า/ร่ม/ปากกา หรือสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ร้าน “KHUNPARK1988” ถือได้ว่าตอบโจทย์กับลูกค้าที่กำลังหาสินค้าประเภทนี้อย่างแน่นอน
(ร้าน KHUNPARK1988)
ปิดท้ายกันด้วยร้านค้า IT ชื่อดังอย่าง ร้าน “iLoveToGo SHOP” ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าประเภทอุปกรณ์เสริมกล้อง กระเป๋ากล้องแบบต่าง ๆ ขาตั้งกล้อง ฟิลเตอร์ รวมไปถึงสินค้าในหมวดเดินทาง เช่น หมอนรองคอ ขวดเก็บอุณหภูมิ กระเป๋าแฟชั่นแบรนด์ดังต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเปิดให้บริการมาแล้วเป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งเชื่อถือได้ และรับประกันสินค้าทุกชิ้นว่าเป็นของแท้ 100% อย่างแน่นอน
(ร้าน iLoveToGO SHOP)